วันนี้ขอมาเอาใจนักท่องเที่ยวสายยั่งยืน รวมเมืองท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศทั่วโลก มีสิ่งแวดล้อมอันสวยงาม โดยเมืองเหล่านี้มีความยั่งยืนอย่างเหมาะสม ซึ่งพิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ทั้ง 69 ตัว เช่น อัตราการรีไซเคิล ระดับมลพิษทางอากาศ ปริมาณเส้นทางปั่นจักรยาน และเปอร์เซ็นต์ของห้องพักในโรงแรม ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จนกลายเป็นอีกหนึ่งกระแสท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปทั่วโลก
เนื่องจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้ เป็นการส่งผลกระทบเชิงบวกไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น การสร้างเศรษฐกิจให้กับแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดี และยังเป็นการรณรงค์ที่จะช่วยลดผลกระทบทางลบต่อการท่องเที่ยวในสถานที่นั้นๆ ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย
รวม 4 เมืองท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก
กระแสท่องเที่ยวนี้ทำให้ทางไทยรัฐออนไลน์ วันนี้เราได้รวบรวม 4 เมืองท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวสุดยั่งยืนที่น่าสนใจ และต้องเดินทางไปสัมผัสความยั่งยืนนี้ด้วยตนเองสักครั้ง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ ได้รับการพิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ความยั่งยืนทั้ง 69 ตัวในลำดับต้นๆ ของโลก
1. Gothenburg ประเทศสวีเดน


มาเริ่มกันที่ กอเทนเบิร์ก (Gothenburg) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวีเดน และเป็นเมืองท่าสำคัญ บรรยากาศและผังเมืองที่นอกจากจะอุดมไปด้วยความเจริญแล้ว ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหมู่บ้านสไตล์นอร์ดิกเรียงรายตลอดทาง ที่เน้นเป็นหนึ่งเดียวกับความเขียวขจีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบรรยากาศของความเรียบง่าย สงบ อบอุ่น และผ่อนคลาย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นไปในเชิงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ สวนสาธารณะ จุดชมวิวที่เหมาะสมมากๆ กับนักท่องเที่ยวสายชิลที่อยากจะลิ้มลองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แนะนำเลยค่า
2. Oslo ประเทศนอร์เวย์


เมืองท่องเที่ยว ออสโล (Oslo) เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นอีกประเทศสำคัญที่เป็นดั่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากมีความสวยงาม ไม่ว่าจะจากธรรมชาติก็ดี ประติมากรรมจากยุโรปที่เหมือนหลุดมาจากภาพวาด ถึงแม้ว่าออสโลจะเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ ที่เมืองหลวงแห่งนี้ยังมีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่มากกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ ป่า ทิวเขา และทะเลสาบอยู่มากมาย และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีความสะอาดเป็นเลิศ สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ บอกเลยว่าที่ออสโลนี้ ต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้สักครั้ง
3. Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก

เมืองท่องเที่ยว โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งที่นี่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเมืองหนึ่งในทวีปยุโรป โดยกรุงโคเปนเฮเกนเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารประเทศ เป็นที่ตั้งพระราชวังหลวง ทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมและความดั้งเดิมของพื้นที่ตั้งแต่ยุคเก่า เคล้ากับความพัฒนาและความเจริญได้อย่างลงตัว บอกเลยว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของการออกแบบผังเมือง ตึกรามบ้านช่องสไตล์เดนิช ที่มีให้เห็นในประเทศเดนมาร์กโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางการจราจรที่ไม่แออัด พร้อมทั้งพื้นที่ปั่นจักรยานภายในเมืองที่จัดได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนในลำดับต้นๆ อีกหนึ่งประเทศเลยทีเดียว
4. Helsinki ประเทศฟินแลนด์


ปิดท้ายกันที่ เฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงขนาดใหญ่ของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ มีความสวยงาม เคล้าคลอกับธรรมชาติ แถมยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ติดตามอย่างน่าหลงใหลในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ เฮลซิงกิ ยังมีการตกแต่งสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สวยงาม ซึ่งทั้งหมดเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมของฟินแลนด์ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองและประเทศที่หากมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยว ควรเก็บไว้ในลิสต์อีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาสักครั้ง
สามารถติดตามข่าวสารดีๆ และที่เที่ยวเด็ดๆ กันได้ที่ globevisits
- 10 ที่เที่ยวจีน 2024 ไปสัมมผัสหิมะ ได้ฟีลเหมือนยุโรป แต่ไม่ต้องจ่ายแพง - August 2, 2024
- คนไทยเที่ยวอินเดีย ฟรี! ค่าธรรมเนียมวีซ่า e-tourist visa - July 12, 2024
- เตรียมปักหมุด 8 สวนสนุก ญี่ปุ่น สนุกสุดมันส์ได้ทั้งครอบครัว - July 8, 2024