7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วันคริสต์มาส ซึ่งตรงกันวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วันคริสต์มาส ซึ่งตรงกันวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

หลายคนคงจะได้ยินเสียงเพลง Jingle Bells และ Last Christmas มักจะถูกเปิดในห้างสรรพสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั่นเป็นสัญญาณว่า Christmas Day ใกล้เข้ามาถึงแล้วค่ะ และถึงแม้เทศกาลนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตกอยู่แล้ว แต่ก็มีอิทธิพลด้านการท่องเที่ยวที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั่วโลก จึงกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ผู้คนต่างออกมาเฉลิมฉลอง แต่ทุกคนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า เทศกาลนี้มีที่มาอย่างไร วันนี้เราเลยจะพาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ จาก 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วันคริสต์มาส ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูพร้อม ๆ กัน

1. ความหมายของคำว่า คริสต์มาส

Christmas Day คือ วันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู ซึ่งเป็นศาสดาสูงสุดของศาสนาคริสต์ ถือเป็นวันหยุดประจำปีที่ชาวคริสต์ให้ความสำคัญมาก ทั้งนี้ “Christmas” แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า” โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า Christes Maesse เนื่องจากวันคริสต์มาสเป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนนิยมทำพิธีมิสซา  ซึ่งคำว่า Christes Maesse ถูกพบครั้งแรกในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ซึ่งคือคำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจนั่นเอง

วันคริสต์มาส
วันคริสต์มาส

2. ประวัติความเป็นมาของวันคริสต์มาส

แม้ Christmas Day จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู แต่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ไม่ได้มีการบันทึกว่าตรงกับวันที่เท่าไร โดยชาวคริสต์เชื่อว่าพระเยซูประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม แคว้นจูเดีย ในสมัยจักรพรรดิออกัสตัสแห่งกรุงโรม ซึ่งต่อมาใน ค.ศ.274 จักรพรรดิออเรเลียน (Emperor Aurelian) ทรงกำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองเหล่าสุริยเทพของชาวโรมัน แต่ชาวคริสต์ในอาณาจักรโรมันถือว่าพระเยซูคือผู้ทรงอยู่เหนือความตาย และเป็นศาสดาสูงสุดที่พวกเขานับถือ จึงเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูในวันดังกล่าวแทน การบันทึกว่า Christmas Day ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการมีขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.336 นับจากนั้นเป็นต้นมา วันคริสต์มาส จึงตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

 Christmas Day จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู
Christmas Day จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู

3. วันคริสต์มาสอีฟ คือวันอะไร?

Christmas Eve ตรงกับวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี หรือก่อน Christmas Day เพียง 1 วัน เนื่องจากในธรรมเนียมของชาวคริสต์ เทศกาลนี้จะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็นของวัน Christmas Eve เด็กๆ จะนำถุงเท้ามาแขวนไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอส ในวันรุ่งเช้าซึ่งเป็น Christmas Day ที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา จะมีการทำกิจกรรมและรับประทานอาหารค่ำมื้อพิเศษร่วมกัน ซึ่งเมนูอาหารที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ไก่งวง และเครื่องดื่มประเภทต่างๆ

4. ประวัติซานตาคลอส ชายแก่ใจดีที่เด็กทั่วโลกรอคอย

นักบุญนิโคลัส
นักบุญนิโคลัส

คือภาพชายแก่ร่างอ้วน สวมชุดสีแดง หนวดเคราสีขาว ที่จะมาพร้อมรถลากเลื่อนและกวางเรนเดียร์จมูกแดง หรือที่เรียกกันว่า “ซานตาคลอส” กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำของวันคริสต์มาส ซึ่งจริงๆ แล้วซานตาคลอสได้ต้นแบบมาจาก “นักบุญนิโคลัส” บาทหลวงชาวตุรกี ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเขาเป็นชายที่มีจิตใจดีมากคนหนึ่ง และต่อมาชาวฮอลแลนด์เรียกนักบุญผู้นี้ว่า “ซินเตอร์คลาส” และชาวอเมริกันเรียกเพี้ยนเป็น “ซานตาคลอส” ซึ่งนิยมเรียกกันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนั่นเองค่ะ

ซานตาคลอส
ซานตาคลอส

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยที่นักบุญนิโคลัสยังมีชีวิต เขาเคยปีนปล่องไฟเพื่อมอบเหรียญเงินเป็นของขวัญให้แก่บ้านเด็กหญิงที่ยากจน ทว่าเหรียญเงินนั้นกลับตกลงไปในถุงเท้าที่แขวนไว้หน้าเตาผิง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ ต่างพากันแขวนถุงเท้าไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอสในวันคริสต์มาส จึงกลายเป็นตำนานที่มาของซานตาคลอส และการแขวนถุงเท้ามาจนถึงทุกวันนี้

แต่รู้หรือไม่ว่า เดิมทีภาพของซานตาคลอสไม่ได้เป็นชายสวมชุดสีแดงอย่างที่เข้าใจกัน แต่ในราว ค.ศ.1930 บริษัท Coca-Cola ได้วาดภาพโฆษณาเกี่ยวกับซานตาคลอสและ Christmas Day โดยให้สวมชุดสีแดงเหมือนสีของแบรนด์ จึงกลายเป็นที่มาของภาพจำว่าซานตาคลอสคือชายแก่ที่สวมชุดสีแดงนั่นเองค่ะ

5. ต้นคริสต์มาส คือต้นอะไรกันแน่?

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองสัญลักษณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยในวันที่ 25 ธันวาคม ก็คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งทำมาจากต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในทวีปยุโรปและอเมริกา จึงงนิยมประดับประดาด้วยกล่องของขวัญและถุงเท้า พร้อมทั้งติดไฟสีสันสวยงาม ซึ่งจริงๆ แล้วชาวคริสต์ในสมัยโบราณต่างเชื่อว่าต้นคริสต์มาสคือต้นไม้ในสวนสวรรค์ที่อดัมและเอวาหยิบผลไปกิน

 Christmas Day
Christmas Day เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง

และในปัจจุบันมีการนำต้นไม้ประเภทต่างๆ มาตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาส เช่น ต้นฮอลลี ซึ่งมีใบสีเขียวลักษณะคล้ายหนามและมีผลสีแดงสด สื่อความหมายถึง มงกุฎหนามและหยดเลือดของพระเยซู นอกจากนี้ยังมีต้น Poinsettia ที่หลายคนเรียกว่าต้นคริสต์มาส มีใบสีแดงสดสวยงาม โดยมีประวัติความเป็นมาว่า เด็กหญิงฐานะยากจนคนหนึ่งอยากจะมอบของขวัญให้พระแม่มารี แต่ไม่มีเงินซื้อของขวัญ นางฟ้าจึงปรากฏกายขึ้นและมอบเมล็ดพืชให้เธอ เมื่อนำไปปลูกก็กลายเป็นต้น Poinsettia ทำให้ถูกเรียกว่า ต้นคริสต์มาส นั่นเอง

กิจกรรมในเทศกาลคริสต์มาส
กิจกรรมในเทศกาลคริสต์มาส

6. กิจกรรมในเทศกาลคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาสถือเป็นเทศกาลที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข จึงมักจะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง ประดับต้นคริสต์มาสตามสถานที่ต่างๆ และจัดแสดงแสง สี เสียง อย่างสวยงาม สมัยก่อนชาวโรมันนิยมมอบของขวัญที่มีค่าให้แก่กัน เช่น อาหาร ขนม และทองคำ ในขณะที่ชาวยุโรปมักบริจาคทาน มอบของขวัญ และของใช้ให้แก่คนไร้บ้าน และในปัจจุบันถือเป็นวันที่ครอบครัวจะได้กลับมาฉลองร่วมกัน มีการมอบของขวัญ ส่งการ์ดอวยพร ทำขนมอบ และรับประทานอาหารมื้อค่ำ ส่วนเด็กๆ จะรวมตัวกันร้องเพลงตามบ้านและโบสถ์ อีกทั้งนิยมนำถุงเท้ามาแขวนไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอส ตามหน้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็จัดไฟต้นคริสต์มาส เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกันอีกด้วย

คำอวยพรยอดนิยมในวันคริสต์มาส
คำอวยพรยอดนิยมในวันคริสต์มาส

7. คำอวยพรยอดนิยมในวันคริสต์มาส

คำอวยพรที่เรามักได้ยินกันคือ “Merry Christmas” แปลว่า “สันติสุข” แต่ในบางครั้งก็นิยมพูดว่า “Merry Xmas” เนื่องจากตัวอักษร X ในภาษากรีก เป็นตัวอักษรตัวแรกของคำว่า “Χριστός” ที่หมายถึง “คริสต์” นอกจากนี้ก็ยังมีคำอวยพรอื่นๆ ที่นิยมมอบให้แก่กันใน Christmas Day เช่น

  • Happy Christmas – สุขสันต์วันคริสต์มาส
  • Merry Christmas and a Happy New Year – สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่
  • Wishing you a prosperous New Year – ขอให้เป็นปีใหม่ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
  • May Santa Claus bring everything you wished for. Merry Christmas – ขอให้ซานตาคลอสนำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณปรารถนามามอบให้ สุขสันต์วันคริสต์มาส
  • Praying you have a wonderful Christmas filled with moments you’ll always remember. – ขอให้วันคริสต์มาสที่ยอดเยี่ยมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยช่วงเวลาดีๆ ที่คุณจะจดจำตลอดไป

ทุกคนจะเห็นได้ว่าทุกเทศกาลสำคัญมักมีที่มาและความสำคัญที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความเชื่อ รวมไปถึงวิถีชีวิต ซึ่งเทศกาล Christmas Day ก็เป็นอีกวันสำคัญที่มีความเป็นมา และสิ่งที่น่าน่าสนใจ แลละนั่นจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นเอง สำหรับในปี 2566 นี้ทางเราก็ต้องกล่าวว่าสุขสันต์วันคริสต์มาสนะคะ

สามารถติดตามข่าวสารดีๆ และที่เที่ยวเด็ดๆ กันได้ที่ globevisits

Yach Prasertying

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *