หลายคนคงจะได้ยินเสียงเพลง Jingle Bells และ Last Christmas มักจะถูกเปิดในห้างสรรพสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั่นเป็นสัญญาณว่า Christmas Day ใกล้เข้ามาถึงแล้วค่ะ และถึงแม้เทศกาลนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตกอยู่แล้ว แต่ก็มีอิทธิพลด้านการท่องเที่ยวที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั่วโลก จึงกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ผู้คนต่างออกมาเฉลิมฉลอง แต่ทุกคนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า เทศกาลนี้มีที่มาอย่างไร วันนี้เราเลยจะพาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ จาก 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วันคริสต์มาส ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูพร้อม ๆ กัน
1. ความหมายของคำว่า คริสต์มาส
Christmas Day คือ วันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู ซึ่งเป็นศาสดาสูงสุดของศาสนาคริสต์ ถือเป็นวันหยุดประจำปีที่ชาวคริสต์ให้ความสำคัญมาก ทั้งนี้ “Christmas” แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า” โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า Christes Maesse เนื่องจากวันคริสต์มาสเป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนนิยมทำพิธีมิสซา ซึ่งคำว่า Christes Maesse ถูกพบครั้งแรกในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ซึ่งคือคำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจนั่นเอง

2. ประวัติความเป็นมาของวันคริสต์มาส
แม้ Christmas Day จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู แต่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ไม่ได้มีการบันทึกว่าตรงกับวันที่เท่าไร โดยชาวคริสต์เชื่อว่าพระเยซูประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม แคว้นจูเดีย ในสมัยจักรพรรดิออกัสตัสแห่งกรุงโรม ซึ่งต่อมาใน ค.ศ.274 จักรพรรดิออเรเลียน (Emperor Aurelian) ทรงกำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองเหล่าสุริยเทพของชาวโรมัน แต่ชาวคริสต์ในอาณาจักรโรมันถือว่าพระเยซูคือผู้ทรงอยู่เหนือความตาย และเป็นศาสดาสูงสุดที่พวกเขานับถือ จึงเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูในวันดังกล่าวแทน การบันทึกว่า Christmas Day ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการมีขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.336 นับจากนั้นเป็นต้นมา วันคริสต์มาส จึงตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

3. วันคริสต์มาสอีฟ คือวันอะไร?
Christmas Eve ตรงกับวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี หรือก่อน Christmas Day เพียง 1 วัน เนื่องจากในธรรมเนียมของชาวคริสต์ เทศกาลนี้จะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็นของวัน Christmas Eve เด็กๆ จะนำถุงเท้ามาแขวนไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอส ในวันรุ่งเช้าซึ่งเป็น Christmas Day ที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา จะมีการทำกิจกรรมและรับประทานอาหารค่ำมื้อพิเศษร่วมกัน ซึ่งเมนูอาหารที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ไก่งวง และเครื่องดื่มประเภทต่างๆ
4. ประวัติซานตาคลอส ชายแก่ใจดีที่เด็กทั่วโลกรอคอย

คือภาพชายแก่ร่างอ้วน สวมชุดสีแดง หนวดเคราสีขาว ที่จะมาพร้อมรถลากเลื่อนและกวางเรนเดียร์จมูกแดง หรือที่เรียกกันว่า “ซานตาคลอส” กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำของวันคริสต์มาส ซึ่งจริงๆ แล้วซานตาคลอสได้ต้นแบบมาจาก “นักบุญนิโคลัส” บาทหลวงชาวตุรกี ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเขาเป็นชายที่มีจิตใจดีมากคนหนึ่ง และต่อมาชาวฮอลแลนด์เรียกนักบุญผู้นี้ว่า “ซินเตอร์คลาส” และชาวอเมริกันเรียกเพี้ยนเป็น “ซานตาคลอส” ซึ่งนิยมเรียกกันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยที่นักบุญนิโคลัสยังมีชีวิต เขาเคยปีนปล่องไฟเพื่อมอบเหรียญเงินเป็นของขวัญให้แก่บ้านเด็กหญิงที่ยากจน ทว่าเหรียญเงินนั้นกลับตกลงไปในถุงเท้าที่แขวนไว้หน้าเตาผิง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ ต่างพากันแขวนถุงเท้าไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอสในวันคริสต์มาส จึงกลายเป็นตำนานที่มาของซานตาคลอส และการแขวนถุงเท้ามาจนถึงทุกวันนี้
แต่รู้หรือไม่ว่า เดิมทีภาพของซานตาคลอสไม่ได้เป็นชายสวมชุดสีแดงอย่างที่เข้าใจกัน แต่ในราว ค.ศ.1930 บริษัท Coca-Cola ได้วาดภาพโฆษณาเกี่ยวกับซานตาคลอสและ Christmas Day โดยให้สวมชุดสีแดงเหมือนสีของแบรนด์ จึงกลายเป็นที่มาของภาพจำว่าซานตาคลอสคือชายแก่ที่สวมชุดสีแดงนั่นเองค่ะ
5. ต้นคริสต์มาส คือต้นอะไรกันแน่?
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองสัญลักษณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยในวันที่ 25 ธันวาคม ก็คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งทำมาจากต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในทวีปยุโรปและอเมริกา จึงงนิยมประดับประดาด้วยกล่องของขวัญและถุงเท้า พร้อมทั้งติดไฟสีสันสวยงาม ซึ่งจริงๆ แล้วชาวคริสต์ในสมัยโบราณต่างเชื่อว่าต้นคริสต์มาสคือต้นไม้ในสวนสวรรค์ที่อดัมและเอวาหยิบผลไปกิน

และในปัจจุบันมีการนำต้นไม้ประเภทต่างๆ มาตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาส เช่น ต้นฮอลลี ซึ่งมีใบสีเขียวลักษณะคล้ายหนามและมีผลสีแดงสด สื่อความหมายถึง มงกุฎหนามและหยดเลือดของพระเยซู นอกจากนี้ยังมีต้น Poinsettia ที่หลายคนเรียกว่าต้นคริสต์มาส มีใบสีแดงสดสวยงาม โดยมีประวัติความเป็นมาว่า เด็กหญิงฐานะยากจนคนหนึ่งอยากจะมอบของขวัญให้พระแม่มารี แต่ไม่มีเงินซื้อของขวัญ นางฟ้าจึงปรากฏกายขึ้นและมอบเมล็ดพืชให้เธอ เมื่อนำไปปลูกก็กลายเป็นต้น Poinsettia ทำให้ถูกเรียกว่า ต้นคริสต์มาส นั่นเอง

6. กิจกรรมในเทศกาลคริสต์มาส
เทศกาลคริสต์มาสถือเป็นเทศกาลที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข จึงมักจะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง ประดับต้นคริสต์มาสตามสถานที่ต่างๆ และจัดแสดงแสง สี เสียง อย่างสวยงาม สมัยก่อนชาวโรมันนิยมมอบของขวัญที่มีค่าให้แก่กัน เช่น อาหาร ขนม และทองคำ ในขณะที่ชาวยุโรปมักบริจาคทาน มอบของขวัญ และของใช้ให้แก่คนไร้บ้าน และในปัจจุบันถือเป็นวันที่ครอบครัวจะได้กลับมาฉลองร่วมกัน มีการมอบของขวัญ ส่งการ์ดอวยพร ทำขนมอบ และรับประทานอาหารมื้อค่ำ ส่วนเด็กๆ จะรวมตัวกันร้องเพลงตามบ้านและโบสถ์ อีกทั้งนิยมนำถุงเท้ามาแขวนไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอส ตามหน้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็จัดไฟต้นคริสต์มาส เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกันอีกด้วย

7. คำอวยพรยอดนิยมในวันคริสต์มาส
คำอวยพรที่เรามักได้ยินกันคือ “Merry Christmas” แปลว่า “สันติสุข” แต่ในบางครั้งก็นิยมพูดว่า “Merry Xmas” เนื่องจากตัวอักษร X ในภาษากรีก เป็นตัวอักษรตัวแรกของคำว่า “Χριστός” ที่หมายถึง “คริสต์” นอกจากนี้ก็ยังมีคำอวยพรอื่นๆ ที่นิยมมอบให้แก่กันใน Christmas Day เช่น
- Happy Christmas – สุขสันต์วันคริสต์มาส
- Merry Christmas and a Happy New Year – สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่
- Wishing you a prosperous New Year – ขอให้เป็นปีใหม่ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
- May Santa Claus bring everything you wished for. Merry Christmas – ขอให้ซานตาคลอสนำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณปรารถนามามอบให้ สุขสันต์วันคริสต์มาส
- Praying you have a wonderful Christmas filled with moments you’ll always remember. – ขอให้วันคริสต์มาสที่ยอดเยี่ยมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยช่วงเวลาดีๆ ที่คุณจะจดจำตลอดไป
ทุกคนจะเห็นได้ว่าทุกเทศกาลสำคัญมักมีที่มาและความสำคัญที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความเชื่อ รวมไปถึงวิถีชีวิต ซึ่งเทศกาล Christmas Day ก็เป็นอีกวันสำคัญที่มีความเป็นมา และสิ่งที่น่าน่าสนใจ แลละนั่นจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นเอง สำหรับในปี 2566 นี้ทางเราก็ต้องกล่าวว่าสุขสันต์วันคริสต์มาสนะคะ
สามารถติดตามข่าวสารดีๆ และที่เที่ยวเด็ดๆ กันได้ที่ globevisits
- 5 ที่เที่ยวสวย ๆ ทั่วโลก สวยเหมือนไม่มีอยู่จริง ต้องไปเห็นสักครั้ง! - August 1, 2024
- แนะนำวิธี เที่ยวญี่ปุ่นฟรีวีซ่า 15 วัน นับวันอย่างไร? - July 5, 2024
- ปักหมุด 10 ที่เที่ยวยุโรป หน้าร้อน ชมเมืองเพลินๆ ก็เริ่ดไม่แพ้ใคร - July 2, 2024