ทำความรู้จัก ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดีย พร้อมแนะนำที่ท่องเที่ยว

ทำความรู้จัก ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดีย พร้อมแนะนำที่ท่องเที่ยว

มาถึงตอนนี้เราจะยังไม่แน่ใจกันเลยว่าจะต้องเปลี่ยนการเรียกชื่อประเทศ อินเดีย เป็นชื่อใหม่ว่า ภารัต (Bharat) หรือยัง ซึ่งหลายคนอาจจะยังมีการสับสนอยู่ไม่มากก็น้อยใช่ไหมละคะ แต่แน่นอนว่าการถูกเสนอให้เปลี่ยนเป็นชื่อนี้ก็มีที่มาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศนี้ อย่างที่เราคาดไม่ถึงกันเลยล่ะ วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักประเทศ ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดียกัน พร้อมทั้งแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต พร้อมแล้วไปดูกัน!

จุดเริ่มแนวคิดการเปลี่ยนชื่อ ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดีย

เริ่มขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีอินเดีย ได้แก้คำเรียกในจดหมายเชิญอาหารค่ำในการประชุมสุดยอดจี 20 (G20) จากเดิม “ประธานาธิบดีแห่งอินเดีย” เป็น “ประธานาธิบดีแห่งภารัต” แทน โดยให้เหตุผลว่าชื่อ India นั้นถูกตั้งขึ้นในสมัยที่ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นทาส และเป็นการลบล้างประวัติศาสตร์อันยาวนานของอินเดีย

ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดีย
ภารัต Bharat ชื่อใหม่ของอินเดีย

ถึงอย่างนั้นการเสนอให้เปลี่ยนชื่อประเทศนี้เป็น Bharat ก็ยังได้รับการต่อต้านจากพรรคฝ่ายค้าน เพราะถูกมองว่าเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคมอินเดีย รวมถึงประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าชื่อ India นั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว และการจะเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น Bharat นั้นอาจต้องใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ที่มาของคำว่า Bharat

ชื่อ ” Bharat ” เป็นคำภาษาสันสกฤต หมายถึงความรุ่งเรือง หรือ แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เชื่อกันว่าเป็นชื่อที่ชาวอินเดียโบราณใช้เรียกแผ่นดินของตนมาช้านาน ชื่อนี้สามารถสืบย้อนไปถึงพระคัมภีร์โบราณ เช่น มหาภารตะ  การนำชื่อนี้มาใช้ถือเป็นวิธีหนึ่งในการเชื่อมโยงกับอดีตอันรุ่งโรจน์ของอินเดียอีกครั้ง สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของอินเดียที่ยาวนานกว่า 5,000 ปีเลยทีเดียว

ก่อนจะเป็นอินเดีย India หรือภารัต (Bharat)

ก่อนจะเป็นอินเดีย India
ก่อนจะเป็นอินเดีย India

อย่างที่ร็ว่าในสมัยก่อนอินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1858 ก่อนตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อินเดียมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคหรือชนเผ่า โดยชื่อเรียกที่พบบ่อยที่สุดคือ “ภารตะ” (Bharata) นอกจากนี้ อินเดียยังมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น “สินธุ” (Sindhu) ซึ่งเป็นชื่อแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักในอินเดียตอนเหนือ “อินดัส” (Indus) ซึ่งเป็นชื่อในภาษากรีกโบราณของแม่น้ำสินธุ และ “อารยัน” (Arya) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของกลุ่มชนเผ่าอินโด-อารยันที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอนุทวีปอินเดีย อย่างไรก็ตาม ชื่อเรียก อินเดีย ในภาษาอังกฤษนั้น เริ่มต้นใช้กันในช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวยุโรปเริ่มติดต่อค้าขายกับอินเดีย และตั้งชื่อประเทศอินเดียตามชื่อแม่น้ำอินดัส มาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นเอง

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ อินเดีย ที่สายเที่ยวต้องไป!

1. City Palace Jaipur พระราชวังหลวง จัยปูร์ หรือ ซิตี้ พาเลซ จัยปูร์

City Palace Jaipur
City Palace Jaipur

เที่ยวนครสีชมพูที่ เมืองจัยปูร์ (Jaipur) หรือ ชัยปุระ เป็นอีกหนึ่งในเมืองสวยของอินเดียมากล้นไปด้วยเสน่ห์ โดยเฉพาะในส่วนของสถาปัตยกรรมที่มีความเก่าแก่ และวิจิตรงดงามเป็นอย่างมากอย่าง ซิตี้ พาเลซ หรือ พระราชวังหลวง จัยปูร์ (City Palace Jaipur) เป็นสถานที่ประทับของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ชัยปุระ ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1729-1732 ในรัชสมัย มหาราชาสะหวายจัย สิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II) ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบราชปุตและโมกุล

2. The Patrika Gate ประตูปาตริกา

The Patrika Gate
The Patrika Gate

เมืองจัยปูร์กันต่อกับ ประตูปาตริกา (Patrika Gate) หรือ ประตูเมืองลำดับที่ 9 หนึ่งในประตูเมืองที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งมีพื้นฐานการก่อสร้างบนเลข 9 เลขศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อของฮินดู ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่มี 9 โดม และ 9 ซุ้ม แต่ละซุ้มมีความกว้าง 9 ฟุต ประตูกว้าง 81 ฟุต ยาว 27 ฟุต สูง 108 ฟุต ตกแต่งด้วยลวดลายจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรประณีต สีสันสดใส เมื่อมองจากมุมหนึ่งก็จะเห็นซุ้มประตูซ้อนสลับสีกันเป็นชั้นๆ สวยงามมากเลยทีเดียว

3. Hawa Mahal ฮาวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม

ฮาวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม
ฮาวามาฮาล หรือ พระราชวังสายลม

พระราชวังสายลม สัญลักษณ์อันโดดเด่นที่ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึงมึงเมื่อพูดถึงเมืองจัยปูร์ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1799 โดย มหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสามผสานระหว่างเปอร์เซียและโมกุล ซึ่งจุดเด่นเป็นหน้าต่างแกะสลักลวดลายสวยงามกว่า 953 บาน ถูกออกแบบโดย ลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) ไม่ว่าจะมุมไหนก็สวย

4. Taj Mahal ทัชมาฮาล

Taj Mahal ทัชมาฮาล
Taj Mahal ทัชมาฮาล

อนุสรณ์แห่งความรักที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา เมืองอัครา (Agra) และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 2007 มีไฮไลท์ก็คือหลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับมากมาย จนได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์ใจ และวิจิตรงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

5. Ajanta Caves กลุ่มถ้ำอชันตา

Ajanta Caves กลุ่มถ้ำอชันตา
Ajanta Caves กลุ่มถ้ำอชันตา

ชมสุดยอดงานแกะสลักอายุกว่า 2,000 ปี ที่กลุ่มถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) หนึ่งในวัดถ้ำอันเก่าแก่ที่สะท้อนอารยธรรมโบราณได้งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกอบไปด้วยถ้ำทั้งหมด 30 แห่ง ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ 200 ปี ภายในถ้ำเต็มไปด้วยงานแกะสลักภาพในพุทธศาสนา และเสาแปดเหลี่ยม 39 ต้นเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ด้วยความเก่าแก่และความงดงามที่ยังคงอนุรักษ์อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

คอนเทนต์หน้าเราจะพาไปไหนต่อจะเป็นที่พัก ที่กิน หรือที่เที่ยวสามารถอัปเดตกันได้ที่ globevisits

Pannavoj Roongruang

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *