วิธีรับมือ อาการ Jet Lag อย่างได้ผล ถึงแล้วพร้อมเที่ยวได้เลย!

วิธีรับมือ อาการ Jet Lag อย่างได้ผล ถึงแล้วพร้อมเที่ยวได้เลย!

ใครที่ขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ หรือมีเหตุให้ต้องเดินทางโดยใช้เครื่องบิน และต้องอยู่บนไฟล์ทที่มีชั่วโมงบินนานๆ สามารถเกิดการ Jet Lag ตามมาได้แน่นอน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีรับมือ และป้องกันการเกิดอาการ Jet Lag ที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราต้องเดินทางไกลๆ ทริปหน้าจะได้เตรียมตัวก่อนเดินทางกันค่ะ

ทำความรู้จักอาการ Jet Lag คืออะไร?

เกิดอาการ Jet Lag
อาการ Jet Lag

เจ็ตแล็ก (Jet Lag) คือ ความผิดปกติของการนอนที่เกิดขึ้นชั่วคราว เมื่อเราเดินทางข้ามเขตเวลา (Time Zone) ที่ต่างกัน เนื่องจากร่างกายของเรายังไม่สามารถปรับให้เข้ากับเวลาในสถานที่ใหม่ยังไม่ได้ เพราะมีความเคยชินกับสภาพแวดล้อมเดิมอยู่นั่นเอง นั่งจึงทำให้มักเกิดอาการต่างๆ ขึ้น เช่น เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หงุดหงิดง่าย รู้สึกมึนงงอาจจะเกิดความวิตกกังวล และซึมเศร้า และมักมีปัญหาการย่อยอาหารตามมา

ซึ่งความรุนแรงของอาการเจ็ตแล็กนั้นจะขึ้นอยู่กับโซนเวลาที่ข้าม ทิศทางการเดินทาง และปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ สุขภาพ และการนอนหลับของแต่ละคนด้วย ซึ่งปกติแล้วอาการเจ็ตแล็กมักจะหายได้เอง แต่ถ้าเกิดขึ้นอย่างยาวนาน หรือต้องเดินทางข้ามเขตเวลาบ่อยๆ เราขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ค่ะ

วิธีรับมือ และป้องกันอาการ Jet Lag ขณะเดินทาง

แต่งตัวสบาย ๆ ขึ้นเครื่อง
แต่งตัวแบบสบายๆ ขึ้นเครื่อง

1. แต่งตัวสบายๆ สวมเสื้อผ้าที่หลวมๆ ไม่รัดรูป

เมื่อต้องเดินทางเป็นเวลานานๆ มักจะต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรจัดท่านั่งอย่างสบายที่สุด การสวมรองเท้าก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องปกติของเท้า มือ และใบหน้าเราจะมีอาการบวมเมื่ออยู่ในที่สูง ดังนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าหัวแหลมที่ฟิตมากๆ ไปก่อน

2. ปรับตารางการนอนก่อนการเดินทาง

หากใครกำลังจะเดินทางไปยังสถานที่ ที่อยู่ห่างออกไปหลายเขตเวลา ให้ลองปรับตารางการนอนก่อนของตัวท่านเองก่อนออกเดินทางสัก 2-3 วัน เพื่อให้ใกล้กับเขตเวลาของจุดหมายปลายทางมากขึ้น หรืออาจจะเลื่อนเวลาหลับให้ช้าออกไป พยายามทำตัวให้กระฉับกระเฉงต่อจากเวลานอนปกติไปสัก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการ Jet Lag ลงได้

ดื่มน้ำให้มาก ๆ
ดื่มน้ำให้มาก ๆ

3. ดื่มน้ำมากๆ

ก่อนจะขึ้นเครื่องบินจะขึ้นและระหว่างที่อยู่ในเครื่อง อากาศจะแห้งมาก พยายามดื่มน้ำเปล่ามากๆ ภาวะขาดน้ำอาจทำให้อาการ Jet Lag แย่ลงได้ อีกทั้งยังควรงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือทำให้ปัสสาวะบ่อย เพราะจะทำให้ร่างกายของเราสูญเสียน้ำมากขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ก็จะรบกวนการนอนหลับได้ควรหลีกเลี่ยง

4. พกสิ่งของที่ต้องใช้ติดตัวไว้

เช่น พกโลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ขี้ผึ้งสำหรับทาปาก และยาหยอดไม่ให้ตาแห้งไว้ในกระเป๋าถือ มาสก์ให้ความชุ่มชื้นผิวหน้าเวลานอน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มของผู้ที่เดินทางบ่อยๆ

5. ขยับแขนขา

การไม่เคลื่อนไหวบวกกับการสูญเสียน้ำสามารถทำให้เกิด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (DVT) ได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เลือดจับตัวเป็นก้อนในหลอดเลือดดำของขาส่วนล่าง ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อต้องโดยสารเครื่องบินระยะทางไกลๆ และนั่นคือเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการบริหารร่างกายแบบง่ายๆ จะให้ขาได้เคลื่อนไหวในขณะอยู่บนเครื่องบ้างนั่นเองค่ะ

ยกตัวอย่างวิธีง่ายๆ ให้เราหมุนข้อเท้า โดยเหยียดส้นเท้าและปลายเท้าสลับกัน และยกหัวเข่าขึ้นในขณะนั่งอยู่เป็นเวลา 2-3 นาที ทำอย่างนี้ทุกครึ่งชั่วโมง ให้เกร็งกล้ามเนื้อขาด้วย และลุกขึ้นเดินไปมาตามทางเดินบ้างเพื่อให้เลือดหมุนเวียน

เมาเครื่องบิน
แนะนำว่าควรเลือกนั่งริมหน้าต่างส่วนปีก และควรรับประทานยากันเมาก่อน

6. เมาเครื่องบิน

ถ้าหากใครเป็นคนเมาเครื่องบินหรือรู้สึกวิงเวียนได้ง่าย แนะนำว่าควรเลือกนั่งริมหน้าต่างส่วนปีก และควรรับประทานยากันเมาก่อนเครื่องขึ้นครึ่งชั่วโมง ยาแก้เมาจะทำให้ง่วงและหลับสบายรู้สึกตัวอีกทีก็ถึงจุดหมายแล้ว ทำให้อาการเมาไม่ใช่ปัญหาของการไปเที่ยวอีกต่อไป

7. อย่ารับประทานอาหารมากเกินไป

สำหรับคนชอบทานอาหารบนเครื่องและดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ถ้าเผลอทานมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องอืดและอึดอัดได้ค่ะ แนะนำว่าควรทานแต่พอดี

8. นำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องเท่าที่จำเป็น

กระเป๋าขนาดเล็กที่เราถือขึ้นเครื่องบิน 1 ใบ กระเป๋าใบนี้ต้องไม่ใหญ่โตจนเกินไป เพราะเราจะต้องวางไว้ใต้ด้านหน้า ทำให้มีที่วางเท้า พอจะขยับตัว และไม่เกะกะผู้โดยสารคนอื่นๆ ด้วย

ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์บนเครื่องบิน
ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์บนเครื่องบิน

9. ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์บนเครื่องบิน

10. หลีกเลี่ยงการขึ้นเครื่องภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากดำน้ำ

11. อย่าตื่นนอนบนเครื่องและลุกขึ้นยืนทันที

การตื่นนอนบนเครื่องบินและลุกขึ้นยืนทันที บางคนจะมีอาการเวียนศีรษะหรือหน้ามืดเกิดขึ้นได้ เนื่องจากออกซิเจนที่น้อยลง การนอนในที่จำกัดหรือการดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาอย่าลุกขึ้นยืนทันที ให้ออกกำลังกายเบาๆ ยืดเหยียดแขนขาสักนิดก่อน

12. รับแสงแดดบ้าง

การเปิดรับแสงแดดธรรมชาติ สามารถช่วยรีเซ็ตนาฬิกาภายในของเราได้ หากถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ลองใช้เวลาข้างนอก ในช่วงกลางวัน จะทำให้ร่างกายของเราปรับตัวได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่เกิดอาการ Jet Lag อย่างแน่นอนค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ทาง globevisits

Pannavoj Roongruang

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *